โดยปกติ คนส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญกับการนอนเท่าที่ควร ด้วยแนวความคิดสมัยใหม่ที่คนเราจะใช้เวลาไปกับสิ่งที่มีความจำเป็นเท่านั้น อาจหมายถึงสิ่งที่จับต้องได้ในเวลาที่ตื่น เช่น ทำงาน อ่านหนังสือ เล่นกีฬาหรือกิจกรรมต่างๆนานาที่อ้างว่าเป็นการพักผ่อน โดยที่ทัศนคติเหล่านี้สวนทางกับกระแสรักสุขภาพในปัจจุบันและความจริงที่ถูกต้องทางวิทยาศาสตร์โดยสิ้นเชิง
ตามแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ คนเราใช้เวลาถึงหนึ่งในสามของชีวิตไปกับการนอนหลับ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่ดีที่สุดเพราะในอีกสองส่วนคือการใช้ชีวิตในตอนที่ลืมตา ซึ่งพฤติกรรมบางอย่างสร้างภาระให้กับร่างกายและสมองโดยไม่รู้ตัว การใช้เวลาพักผ่อนอย่างจริงจังหรือการนอนหลับให้เพียงพอจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวคิดคำนวณโดยเฉลี่ยจากการนอน 6-7 ชั่วโมงในทุกวัน หากคนเรานอนน้อยกว่านั้นในอัตราความถี่ที่เสี่ยง เช่น นอนไม่พอติดต่อกันมากกว่า 4-5 วัน ผลลัพธ์คือเรากำลังปั่นเส้นด้ายแห่งชีวิตให้สั้นลง เป็นการทำร้ายสุขภาพของตนเองโดยตรงไม่ต่างจากการใช้ยาเสพติดหรือดื่มของมึนเมา ตามที่สมาคม The American Sleep Apnea Association และ Sleep Disorders Clinic and Research Center แห่งมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด ทำการศึกษาวิจัยและพบว่า การที่เราอดนอนมากๆ นั้น จะมีผลเท่าเทียมกับการดื่มเหล้าจนเมา ที่สำคัญคือการอดนอนยังสามารถสร้างปัญหาเช่นเดียวกับการเมาเหล้าด้วย ซึ่งอาจลงท้ายด้วยการก่อปัญหาแก่ชีวิตนั่นเอง
ผลเสียจากการอดนอน
แม้ว่าคนเราต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอในอัตราที่คงที่ แต่ใช่ว่าร่างกายของคนเราทุกคนจะเหมือนกัน ความแตกต่างทางด้านพันธุกรรม เพศและวัยมีผลต่อความจำเป็นในการนอนของคนเราแทบทั้งสิ้น คนที่มีร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพที่สมบูรณ์พร้อมอาจต้องนอนพักผ่อนเพียงแค่วันละ 5 ชั่วโมง ในขณะที่บางคนอาจต้องใช้เวลาในการนอนขั้นต่ำ 8-9 ชั่วโมง ซึ่งหากไม่เพียงพอเราจะสังเกตได้ในวันถัดมา
โดยมีอาการดังต่อไปนี้
1. มีอาการง่วงนอนหรือซึมเซาตลอดทั้งวัน
2. อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายโดยไม่มีเหตุผล
3. อาจมีอาการหลับในขณะที่ตื่นโดยไม่รู้ตัว
4. หลับในทันทีหลังจากนอน
อาการเหล่านี้เกิดจากการอดนอนที่นอกจากจะส่งผลในวันถัดไปแล้ว หากทำติดต่อกันจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันร่างกายจะปรับให้ชินกับสภาวะนั้นและส่งผลเสียในระยะยาว ระบบภายในร่างกายจะแปรปรวนและสูญเสียสมดุล โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ตามที่ แครอล อีเวอร์สัน นักจิตวิทยาสังคมที่มหาวิทยาลัยแห่งเทนเนสซี ได้ค้นพบสัญญาแสดงว่า การ อดนอนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานหนักขึ้นในช่วงแรก ๆ โลหิตจะมีเม็ดโลหิตขาวเพิ่มขึ้นและมันก็สลายตัวในเวลาต่อมา ทำให้ความสามารถในการต้านทานแบคทีเรียและเชื้อไวรัสของร่างกายเราเสียไป
โดยเฉพาะในผู้หญิง ผลเสียจากการอดนอนนั้นจะสร้างปัญหาไปยังใบหน้า รูปร่างและความงามตามวัยที่อาจจะลดลงอย่างรวดเร็ว โดยมีอาการ เช่น ดวงตาหมองคล้ำ ผิวหน้าเหี่ยวเฉาและมีอาการอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด การอดนอนจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักเพราะเหมือนกับการก้าวเดินลงไปยังเหวด้วยเท้าของตนเอง
สารพันประโยชน์ต่อร่างกาย
ร่างกายของคนเรามีกลไกการทำงานที่ซับซ้อน จึงต้องการการนอนหลับพักผ่อนเพื่อให้ระบบภายในได้พักฟื้นและเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในวันถัดไป เปรียบเหมือนเครื่องจักรที่ต้องหยุดพักและซ่อมแซมส่วนที่เสียหายเพื่อให้สามารถทำงานให้ดีขึ้น เพราะคนเราไม่สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดังที่แฮโรลด์ แซบปีลิน อาจารย์พิเศษสาขาจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยแห่งมิชิแกน บอกว่าการนอนหลับเป็นการบังคับของร่างกายเพื่อการประหยัดพลังงาน นั่นคือธรรมชาติบังคับให้คนเราพักผ่อนในแต่ละวันให้เพียงพอ
ประโยชน์ของการนอนอีกประการหนึ่งจากการศึกษาค้นคว้าของเดนนิส แม็คกินตี้ นักวิจัยประสาทวิทยาของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในลอสแองเจลีส คือ การนอนสามารถช่วยลดอุณหภูมิของร่างกาย โดยมีสมองส่วนหนึ่งจะทำหน้าที่สั่งการให้เราหลับเมื่อระดับอุณหภูมิในร่างกายสูงเกินควรและส่งผลกระทบไปยังสมอง ทฤษฏีนี้พิสูจน์ได้ง่าย โดยสังเกตจากการออกกำลังกาย เช่น วิ่งหรือเล่นฟุตบอลในวันที่ร้อนจัดไม่นานก็อาจจะเป็นลม เช่นเดียวกับนักกีฬาที่ออกกำลังกายอย่างหักโหมจะต้องใช้เวลาในการนอนพักผ่อนมากกว่าคนปกติ เนื่องด้วยอุณหภูมิในร่างกายสูงผิดปกติ ทำให้ประสาทส่วนรับความร้อนภายในสั่งการให้ระบบดูดซึมอาหารทำงานช้าลงด้วยการทำให้รู้สึกง่วงนอนและหลังจากนั้นระดับอุณหภูมิก็จะลดต่ำลง
นอนหลับเพื่อสมอง
นอกจากก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว การนอนหลับยังสามารถส่งผลดีต่อสมองอีกด้วย เนื่องจากสมองเป็นอวัยวะชิ้นสำคัญของคนเรา ถึงแม้ว่าจะมีน้ำหนักเบาแต่ว่าเอาพลังงานสะสมภายในร่างกายไปใช้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ในแต่ละวัน ซึ่งหากเรานอนหลับให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ระบบจัดเก็บความทรงจำหรือระบบประสาทจะถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อเรานอนหลับโดยเฉพาะเมื่อเราหลับสนิทหรือหลับลึกแล้วฝัน จากงานวิจัยทางสมองพบว่า ความฝันเป็นอีกหนึ่งกระบวนการจัดเก็บข้อมูล โดยฉายภาพประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนที่ตื่นเพื่อจัดเก็บข้อมูลเหล่านั้น เป็นการเชื่อมต่อเซลล์ประสาทของสมองเพื่อเก็บเป็นความทรงจำถาวร โดยอวัยวะที่ทำหน้าที่ดังกล่าว มีชื่อว่า ฮิปโปแคมปัส จะทำหน้าที่ถ่ายโอนข้อมูลที่เรียนรู้ในระหว่างวันเข้าสู่ความทรงจำระยะยาว ซึ่งอวัยวะชิ้นนี้ทำงานตอนที่เราหลับเท่านั้นและจะทำงานได้ดีหากเราหลับอย่างเพียงพอ
สรุป
ประโยชน์ของการนอนหลับมีมากมาย แม้ว่าในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในวัยเรียนและวัยทำงานต่างละเลยถึงความสำคัญของการนอน อันเกิดจากการบีบบังคับด้วยเงื่อนไขของเวลาและค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง แต่หากรู้จักการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างถูกวิธี เล็งเห็นถึงข้อดีของการนอนหลับทีมีความเกี่ยวพันกับชีวิตคนเรา เชื่อว่าการดำเนินชีวิตไปอย่างมีความสุขพร้อมด้วยสุขภาพที่ดีของร่างกายและจิตใจคงจะเป็นความฝันที่ไม่ไกลเกินความจริง
ที่มา.
VITAEAST NETWORK
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น